8 ข้อคิดจากชีวิตของมหาเศรษฐีล้านล้าน Jack Ma
Jack Ma (แจ๊ค หม่า) ผู้ฆ่ายักษ์ ในวันนี้ Alibaba ยักษ์ใหญ่ด้าน E Commerce จากจีน ได้เสนอหุ้น IPO ที่หุ้นละ 68 เหรียญสหรัฐฯ ซึ่งนั่นผลักให้ Alibaba กลายเป็นบริษัทอินเทอร์เน็ตที่มีมูลค่าตลาดสูงกว่า eBay, Twitter และ LinkedIn รวมกัน
วันนี้ ทุกๆอณูชีวิตของ Jack Ma (แจ๊ค หม่า) จึงเป็นที่สนใจของผู้คนทั่วโลกที่จะกล่าวถึงความเป็นมาและสิ่งที่ผลักดันให้เค้าประสบความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ เพื่อเป็นแรงบันดาลใจ ในการผลักดันความสำเร็จในชีวิตของผู้คนอีกมากมายทั่วโลก
- คนเราเกิดมาเพื่อใช้ชีวิตและหาประสบการณ์ชีวิต
- ผมบอกกับตัวเองเสมอว่าคนเราไม่ได้เกิดมาเพื่อทำงาน แต่เพื่อสนุกกับชีวิต และเราเกิดมาเพื่อทำสิ่งที่ดีกว่า ไม่ได้เพื่อทำงาน
- "ทัศนคติของคุณนั้นสำคัญกว่าความสามารถ" และ "การตัดสินใจของคุณนั้นก็สำคัญกว่าความสามารถ"
- โลกนี้จำไม่ได้หรอกว่าคุณพูดอะไรไป แต่จะไม่ลืมสิ่งที่คุณทำ
- ถ้าหากมีข้อเสนอนึงมาให้ แล้วคนส่วนใหญ่ (มากกว่า 90%) ตอบว่าข้อเสนอนี้มัน “ใช่”, ผมจะทิ้งข้อเสนอนั้นลงถังขยะในทันที ..เหตุผลง่ายนิดเดียวคือ “ถ้าหากมีคนอยู่เยอะที่คิดว่าข้อเสนอนี้ดี แสดงว่าต้องมีคนอยู่อีกเยอะเช่นกันที่กำลังทำงานนี้อยู่ และโอกาสนั้นมันก็ไม่ได้เป็นของเราแล้ว”
- คุณไม่สามารถที่จะทำให้คนทุกคนคิดเหมือนกันได้หรอก แต่คุณสามารถทำให้ทุกคนก้าวไปทางเดียวกันได้ด้วยเป้าหมายเดียวกัน
- หากคุณมองทุกคนรอบตัวเป็นศัตรู ทุกคนรอบตัวคุณก็จะเป็นศัตรูของคุณ หากคุณทำการแข่งขันกับคู่แข่ง อย่าพยายามใช้ความเกลียดชัง "ความเกลียดจะทำให้คุณพ่ายแพ้"
- การแข่งขันนั้นคล้ายกับการเล่นหมากกระดานหากคุณแพ้กระดานนี้ คุณก็มีโอกาสเล่นต่อในกระดานต่อไป ดังนั้นทั้งสองฝั่งไม่ควรจะสู้กันเอง นักธุรกิจที่แท้จริงนั้นไม่ควรมีศัตรูเลย หากใครเข้าใจจุดนี้ ไม่มีอะไรเป็นไปไม่ได้ในโลกธุรกิจ"
Jack Ma (แจ๊ค หม่า) หรือชื่อจริง ๆ ว่า หม่า หยุน เป็นชาวจีนจากเมืองหังโจวที่เกิดในครอบครัวที่ไม่ได้มีฐานะดีนัก แต่เขาฉายแววใฝ่เรียนรู้แบบไม่เหมือนใครตั้งแต่เด็ก เขาชื่นชอบภาษาอังกฤษมาก และตั้งแต่อายุ 12 ปี แจ๊ค หม่า พยายามเรียนรู้ภาษาอังกฤษด้วยตัวเองมาโดยตลอด ทุกเช้าเขาจะปั่นจักรยานกว่า 40 นาที ไปยังโรงแรมแห่งหนึ่ง ก่อนจะเข้าไปคุยกับนักท่องเที่ยวต่างชาติ แล้วเสนอตัวเป็นไกด์ให้เพื่อฝึกฝนทักษะภาษาอังกฤษ
ชีวิตในโรงเรียนของเขาก็ไม่ได้ราบรื่นนัก เขามักจะถูกเพื่อนล้อเสมอเพราะเขาตัวเล็กกว่าคนอื่น และเขาเองก็ไม่ใช่คนเรียนเก่งอะไรนัก ในการสอบเข้ามหาวิทยาลัย เขาสอบไม่ติดถึง 2 ครั้ง ก่อนที่สุดท้ายจะสอบเข้ามหาวิทยาลัยครูหังโจวได้ และเมื่อเรียนจบเขาก็เป็นครูสอนภาษาอังกฤษอยู่ 5 ปี เงินเดือนอยู่ที่ราว ๆ 500-600 บาทเท่านั้น
แต่โอกาสในชีวิตเขาก็มาถึง เมื่อวันหนึ่งในปี 2538 เขาได้เดินทางไปเป็นล่ามที่เมืองซีแอตเทิล สหรัฐอเมริกา และที่นั่น เพื่อนของเขาได้แนะนำให้เขารู้จักกับอินเทอร์เน็ต ในตอนนั้นหม่าเองเพิ่งจะเคยสัมผัสกับคีย์บอร์ดเป็นครั้งแรก ก่อนจะตระหนักว่าที่ยังไม่มีข้อมูลใด ๆ เกี่ยวกับจีนในอินเทอร์เน็ตมากนัก
หลังจากกลับประเทศจีนในตอนนั้น หม่าจึงเริ่มต้นทำสมุดหน้าเหลืองออนไลน์เกี่ยวกับธุรกิจเป็นครั้งแรก แต่มันก็ไม่ประสบผลสำเร็จเท่าไร จนเมื่อปี 2542 หม่าจึงได้รวมกลุ่มกับเพื่อน จัดตั้งบริษัทอีคอมเมิร์ส นามว่า Alibaba ขึ้น ด้วยเงินทุนราว 2 ล้านบาท ซึ่งหม่าเป็นคนเลือกชื่อนี้เองเพราะอยากให้คนทุกชาติทุกภาษาสามารถออกเสียงได้อย่างง่าย ๆ
ต่อมาในปี 2546 หม่าได้เปิดเว็บไซต์ Taobao ขึ้น เพื่อสร้างธุรกิจออนไลน์ที่ใช้งานได้ง่าย ตอบโจทย์ผู้บริโภคชาวจีน ซึ่งในตอนแรก ๆ นั้น ธุรกิจของเขาก็ดำเนินไปอย่างเรียบ ๆ ไม่มีกำไร เพราะมีคู่แข่งยักษ์ใหญ่อย่าง eBay อยู่ แต่หม่าก็ไม่ยอมแพ้ เขาคิดว่า eBay นั้นเป็นเหมือนฉลามในมหาสมุทร และบริษัทเขาเป็นจระเข้ในแม่น้ำ ดังนั้นเขาต้องไม่ต่อสู้ในมหาสมุทร เพราะมันจะแพ้ แต่หากเขาเลือกต่อสู้ในแม่น้ำซึ่งเป็นถิ่นตัวเอง เขาจะชนะ และมันก็เป็นจริงดังที่เขาคาดคิด เพราะเพียงแค่ 3 ปี Taobao ก็พลิกโผขึ้นมาครองส่วนแบ่งตลาดเกินกว่า 60 เปอร์เซ็นต์ จน eBay ถอยทัพออกจากจีนในปลายปี 2548 และนับแต่นั้นมา Taobao ก็กลายเป็นเพชรเม็ดงามของยักษ์ใหญ่สัญชาติจีนอย่าง Alibaba และปัจจุบันก็เป็นเว็บไซต์ชอปปิ้งออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในจีน ขณะที่ความสำเร็จครั้งนี้ได้ผลักให้หม่ากลายเป็นหนึ่งในเศรษฐีที่รวยที่สุดในจีน
จากเงินทุนเพียง 2 ล้านบาท ปัจจุบันนักวิเคราะห์คาดว่า Alibaba มีมูลค่าตลาดที่ระหว่าง 4.8- 8 ล้านล้านบาท และการเสนอขายหุ้นในอเมริกาครั้งนี้ นับว่าเป็นหนึ่งในมหกรรมการจำหน่ายหุ้นครั้งแรกครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์อเมริกาเลยทีเดียว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น